หน้า 1 จากทั้งหมด 1

โรคภูมิแพ้

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 02 ต.ค. 2557 2:20 pm
โดย vichaivej_admin
”ฮัดเช้ย” !!!

อาการหวัดเรื้อรังที่เป็นบ่อยครั้งทั้ง จาม, คัดจมูก, ไอ เวลาอากาศเปลี่ยน , มีเสมหะไหลลงคอ เป็นสัญญาณเตือนของโรคภูมิแพ้ที่กำลังเป็นเทรนด์โรคยอดฮิตของคนไทย มีคนไทยมากกว่า 18 ล้านคน หรือประมาณ 2 ใน 5 เป็นโรคภูมิแพ้โดย 10 ล้านคนเป็นอาการทางจมูก 20 % พบในผู้ใหญ่ และ 40% หรือ 4 ใน 10 คน พบในเด็กสาเหตุของโรคภูมิแพ้


สาเหตุของโรคภูมิแพ้
1. พันธุกรรม - พ่อ และแม่เป็น – ลูกจะเป็น 75% - พ่อ หรือแม่เป็น – ลูกจะเป็น 50%

2. สิ่งแวดล้อม - มีมลภาวะเพิ่มขึ้น, มีสารก่อภูมิแพ้มากขึ้น

3. พฤติกรรมการใช้ชีวิต - การใช้ชีวิตที่รีบเร่ง, นอนดึก, ทางผักผลไม้น้อย, ไม่ออกกำลังกาย, ภาวะเครียด


อาการ
คัดจมูก, คันตา, น้ำตาไหล, ไอ, เสมหะลงคอ, เหนื่อยหอบ, หายใจไม่เต็มอิ่ม, มีผื่นตามตัว


ถ้าไม่รักษา
ไซนัสอักเสบ, ริดสีดวงจมูก, นอนกรน, หยุดหายใจในขณะหลับ
อ่อนเพลียง่าย, ใม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน, สมาธิสั้น



โรคภูมิแพ้รักษาได้หรือไม่
ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถคุมอาการไม่ให้กำเริบได้โดยวิธี หลักเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เสริมสร้างภูมิต้านทานโดยออกกำลังกาย พักผ่อน ไม่เครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ส่งเสริมการดื่มนมมารดาในเด็ก

วิธีการทดสอบหาสารก่อภูมิแพ้
- จากประวัติโดยรวมก็สามารถจะทราบเบื้องต้นว่า เราแพ้สารอะไร เช่น อยู่ในสิ่งแวดล้อมอะไร หรือรับประทานอะไรแล้วจะเกิดอาการผื่นคัน ไอ จาม คัดจมูก

- สามารถตรวจเพิ่มเติมได้โดยใช้การทดสอบทางผิวหนังโดยใช้สารก่อภูมิแพ้หลายๆ ชนิด หยดลงบนผิวหนัง (Skin Prick Test) และใช้เข็มสะกิดแต่ละจุด การทดสอบนี้ไม่เจ็บ และทราบผลในทันที

- การตรวจเลือดหาภูมิต้านทาน (IgE) และตรวจหาสารก่อภูมิแพ้หลายๆ ชนิด เช่น อาหาร ไรฝุ่น วิธีนี้ใช้ในการต้องการหาสารหลายๆ ชนิด มีราคาสูงกว่าการทำทดสอบทางผิวหนัง

วิธีการรักษา้
โรคภูมิแพ้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่จะสามารถควบคุมอาการไม่ให้เกิดได้โดยวิธี

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้

2. ฉีดยาต้านสารก่อภูมิแพ้ทีละน้อย เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น

3. รักษาสุขภาพให้สมบูรณ์โดยการออกกำลังกาย ทานอาหารถูกสุขลักษณะ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด