ไซยาไนด์คืออะไร พิษของไซยาไนด์จะทำให้มีอาการอย่างไร

ข้อมูลความรู้ ศูนย์โรคกระดูกและข้อ, ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง,ผ่าตัดผ่านกล้อง, ศัลยกรรมผ่านกล้อง,กระดูกและข้อ, ศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน, ศูนย์สุขภาพ, โรงพยาบาลชั้นนำ, เวชศาสตร์การกีฬา, ตรวจสุขภาพ, ศัลยกรรมความงาม, พบแพทย์, เส้นเลือดขอด, เส้นฟอกไต

ไซยาไนด์คืออะไร พิษของไซยาไนด์จะทำให้มีอาการอย่างไร

โพสต์โดย smanpruksa » พฤหัสฯ. 11 พ.ค. 2023 9:08 am

ไซยาไนด์คืออะไร พิษของไซยาไนด์จะทำให้มีอาการอย่างไร

หลายครั้งที่มักพบว่า สิ่งต่างๆ รอบตัว ที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน หากถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้อย่างที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะสารเคมีต่างๆ ที่นำมาใช้ในทางอุตสาหกรรม ก็มักถูกพบว่า หากเกิดการรั่วไหล ก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตในบริเวณโดยรอบ (ภัยร้ายจากสารเคมี สร้างความเสียหายและอันตรายกว่าที่คิด https://www.smk.co.th/newsdetail/1630) จะส่งผลกระทบรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของสารเคมีที่ได้รับ “ไซยาไนด์” ก็เป็นอีกหนึ่งสารพิษที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง แล้วสารพิษไซยาไนด์คืออะไร หากถูกพิษของไซยาไดน์จะมีอาการอย่างไร สินมั่นคงประกันภัยมีข้อมูลมาฝากค่ะ

“ไซยาไนด์” คืออะไร?

ไซยาไนด์ (“ไซยาไนด์” ) คือ สารเคมีอันตรายที่ออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว มีความเป็นพิษสูงมาก พบได้ทั่วไปในพืชและอุตสาหกรรมหลากหลายชนิด เช่น มันสำปะหลัง ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโอ๊ต ข้าวไรน์ ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่วชนิดต่างๆ อ้อย แอบเปิ้ล เผือก หน่อไม้ เมล็ดอัลมอลด์ เชอรี่ พีช มะม่วง มะละกอ ฝรั่ง มะนาว เป็นต้น เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเซลล์จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

“ไซยาไนด์” รูปแบบที่เป็นอันตรายถึงชีวิต

สารเคมีอันตรายชนิดนี้มีรูปแบบที่หลากหลายทั้งในรูปแบบของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยแต่ละชนิดมีแหล่งที่มาและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ดังนี้

 Sodium “ไซยาไนด์” (NaCN) อยู่ในรูปของแข็งสีขาว อาจอยู่ในรูปแบบผลึก แท่ง หรือผง พบได้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ใช้ในการเคลือบเงาหรือเคลือบสีเหล็ก และเป็นส่วนประกอบในยาฆ่าแมลง สามารถเข้าสู่ร่างกายจากการสัมผัสบริเวณปากแผล การสูดดม หากรับประทานอาจเป็นพิษถึงตายได้

 Potassium “ไซยาไนด์” (KCN) มีลักษณะเป็นก้อนผลึก หรือผงสีขาว เมื่อเป็นของเหลวจะใสไม่มีสี กลิ่นคล้ายอัลมอนด์ มักนำมาใช้ในการสกัดแร่ อย่างทองหรือเงิน และยังพบได้ในยาฆ่าแมลง เมื่อ Potassium “ไซยาไนด์” เจอกับความร้อนจะทำให้เกิดควันพิษ หากได้รับเข้าสู่ร่างกายอาจรบกวนการทำงานของอวัยวะภายในจนเป็นอันตรายถึงชีวิต

 Hydrogen “ไซยาไนด์” (HCN) อาจมาในรูปของของเหลว หรือแก๊สที่ไม่มีสี พบในควันจากท่อไอเสีย ควันบุหรี่ และควันจากโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อสูดดมอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาทส่วนกลาง รวมทั้งยังอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองตามผิวหนังและดวงตา

 Cyanogen chloride (CNCl) มีลักษณะเป็นของเหลว หรือแก๊สที่ไม่มีสี มีกลิ่นฉุน และเป็นพิษอย่างรุนแรงเมื่อเผาไหม้ อาจทำให้ระคายเคืองเมื่อสูดดม

อันตรายจาก “ไซยาไนด์”

“ไซยาไนด์” สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายวิธี ในเบื้องต้นอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณที่สัมผัสอย่างผิวหนังหรือดวงตา ร่างกายอ่อนแรง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ หายใจติดขัด หมดสติ และหัวใจหยุดเต้น โดยความรุนแรงของอาการนั้นอาจขึ้นอยู่กับชนิดของ “ไซยาไนด์” ปริมาณ และระยะเวลาในการได้รับ โดยผลกระทบจากการได้รับ “ไซยาไนด์” อาจแบ่งได้ 2 ประเภท คือ

1. ภาวะเป็นพิษจาก “ไซยาไนด์” แบบเฉียบพลัน เป็นอาการที่พบได้ยาก เกิดขึ้นในทันที อาจทำให้เกิดอาการ เช่น หายใจติดขัด เลือดไหลเวียนผิดปกติ ภาวะหัวใจหยุดเต้น สมองบวม ชัก และหมดสติ เป็นต้น

2. ภาวะเป็นพิษจาก “ไซยาไนด์” แบบเรื้อรัง เกิดจากการได้รับ ”ไซยาไนด์” ปริมาณเล็กน้อยต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ในเบื้องต้นอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ง่วงซึม คลื่นไส้ อาเจียน เกิดผื่นแดง และอาจมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นตามมา เช่น รูม่านตาขยาย ตัวเย็น อ่อนแรง หายใจช้า เป็นต้น นอกจากนี้ หากไม่ได้รับการรักษาเป็นเวลานาน อาจทำให้หัวใจเต้นช้าหรือเต้นผิดปกติ ผิวหนังบริเวณใบหน้าและแขนขากลายเป็นสีม่วง โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด

หากสัมผัสกับ “ไซยาไนด์” ควรรับมืออย่างไร ?

“ไซยาไนด์” เป็นสารเคมีอันตราย หากสัมผัสกับสารชนิดนี้ควรรีบลดปริมาณสารดังกล่าวให้ได้มากที่สุด ซึ่งวิธีการรับมือกับ “ไซยาไนด์” อาจทำได้ ดังนี้

• การสัมผัสทางผิวหนัง หากร่างกายสัมผัสกับ “ไซยาไนด์” ให้ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนออกด้วยการใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้าออกเป็นชิ้น ๆ และนำออกจากลำตัว โดยวิธีนี้จะช่วยให้เสื้อผ้าที่ปนเปื้อน “ไซยาไนด์” ไม่ไปสัมผัสกับผิวหนังส่วนอื่น และไม่ควรให้ผู้อื่นสัมผัสร่างกายหรือเสื้อผ้าโดยตรงเพราะอาจได้รับพิษจาก “ไซยาไนด์” ไปด้วย จากนั้นจึงทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำและสบู่เพื่อลดปริมาณสารพิษให้ได้มากที่สุด ก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาล

• การสูดดมและรับประทาน หากสูดดมอากาศที่มี “ไซยาไนด์” ปนเปื้อนควรออกจากพื้นที่บริเวณนั้น หากไม่สามารถออกจากสถานที่ได้ควรก้มต่ำลงบนพื้น ในกรณีที่ผู้ป่วยหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ ต้องทำ CPR เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ห้ามใช้วิธีเป่าปากหรือวิธีผายปอดเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับพิษ

• การสัมผัสทางดวงตา ควรถอดแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ออก จากนั้นให้ใช้น้ำสะอาดล้างตาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10 นาที และไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจ
สิ่งของบางอย่างที่ปนเปื้อน “ไซยาไนด์” อาจนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่ต้องทำความสะอาดเพื่อกำจัดสารพิษอย่างถูกวิธีก่อนนำกลับมาใช้ สำหรับคอนแท็กเลนส์ หรือเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนควรเก็บใส่ถุงพลาสติกที่มิดชิดและกำจัดทิ้งอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

วิธีหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับ “ไซยาไนด์”

การหลีกเลี่ยงและลดโอกาสในการสัมผัสกับ “ไซยาไนด์” อาจทำได้ ดังนี้

 เก็บภาชนะที่บรรจุสารเคมีภายในบ้านให้มิดชิดและเหมาะสม
 ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ควรใช้ภาชนะรองรับสารเคมีที่มีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งอาจช่วยให้ได้รับสารพิษน้อยลงหากเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงลดโอกาสการสัมผัสและการสูดดมลงด้วย
 ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ไม่ควรนำเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ที่อาจปนเปื้อน “ไซยาไนด์” ออกนอกสถานที่ทำงานหรือนำกลับบ้าน
 สวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งเมื่อต้องทำงานกับสารเคมี หรือต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของ “ไซยาไนด์”
 ผู้ที่มีความเสี่ยงได้รับสารพิษสูง เช่น เกษตรกร ช่างเหล็ก ช่างทอง พนักงานที่อยู่ในกระบวนการการผลิตกระดาษ สิ่งทอ ยาง และพลาสติก ผู้ที่ทำงานกำจัดแมลง เป็นต้น ควรไปพบแพทย์และเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

ประกันภัยอุบัติเหตุ ให้ความคุ้มครองต่อผู้เอาประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัย ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย และหากผลของการบาดเจ็บนั้นส่งผลให้ผู้เอาประกันภัยต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือรุนแรงถึงขั้นทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ หรือเสียชีวิต คุ้มครองต่ออุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ทุกแห่งทั่วโลก สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/productpadetail/2 หรือ โทร.1596 Line : @smkinsurance และสามารถติดตามเนื้อหาสาระดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com
smanpruksa
 
โพสต์: 73
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 05 ก.พ. 2563 2:43 pm

ย้อนกลับไปยัง ความรู้สุขภาพกับวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 32 ท่าน

cron